วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

จับตัวจริง เปิดตัว Nokia 8 มือถือเรือธง กล้องคู่ ถ่ายทำ Live แบบ Bothie ได้

จับตัวจริง เปิดตัว Nokia 8 มือถือเรือธง กล้องคู่ ถ่ายทำ Live แบบ Bothie ได้

จับตัวจริง เปิดตัว Nokia 8 มือถือเรือธง กล้องคู่ ถ่ายทำ Live แบบ Bothie ได้

แบไต๋

สนับสนุนเนื้อหา

การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ Nokia ภายใต้การดูแลของบริษัท HMD Global เผยโฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง  สมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดในรูปแบบ Pure Android ไร้แอปแปลกปลอม พร้อมนิยามใหม่ของการถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ผ่านเลนส์แบบเรียลไทม์ด้วยหนแรกของ 3 ปรากฎการแห่งสิ่งใหม่ที่เหมาะกับคนที่ถูกใจสร้างคอนเทนต์ (content creator) นอกเหนือจากนี้ ตัวเครื่องเป็นอุปกรณ์อลูมินัม บางเฉียบ พร้อมการออกตัวอย่างงาม ซ่อนเร้นไปด้วยความคงทน และแนวคิดสร้างสรรค์ Nokia 8 ดำเนินการด้วยระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ปัจจุบัน รวมถึงส่วนประกอบที่มาพร้อมทั้งกล้องคู่แบบ Dual-Camera และก็สมรรถนะของ ZEISS เลนส์กล้องถ่ายรูปชั้นเยี่ยมสุดยอดเพื่อตอบปัญหาการใช้แรงงานด้านการถ่ายภาพ

 

คุณสมบัติเด่นของ Nokia 8 คือ กล้องถ่ายวีดีโอแบบคู่หรือ Dual-Sight ที่ฉีกกฎของการ Live Steaming ครั้งแรกของโลก ช่วยเพิ่มมิติของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook หรือทาง YouTube ได้ Nokia 8 ไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมที่คิดค้นเพื่อรองรับการถ่ายภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นนวัตกรรมที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรังสรรค์เรื่องราวแห่งความประทับใจผ่าน ภาพ แสง สี และเสียง ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดจากโนเกียไปสู่สังคมออนไลน์อย่างง่ายดายและรวดเร็วด้วยการกดพียงครั้งเดียว

นอกจากนี้ Nokia 8 ยังเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยีเสียงแบบ Nokia OZO Audio ที่ให้มิติเสียงแบบ 360 องศา เพื่อความสมบูรณ์ของคุณภาพเสียงราวกับคนฟังได้อยู่ตรงนั้นจริงๆเปรียบเสมือนเอาเทคโนโลยีในหนังฮอลลีวูด (Hollywood Technology) มาวางเอาไว้ด้านบนมือของคุณ อีกทั้งเรื่องของประสิทธิภาพของภาพและก็เสียงขนาด 4K ที่คุณแล้วก็เพื่อนพ้องๆบนโลกออนไลน์จะได้รับประสบการณ์ที่สมจริง รวมถึงยังช่วยบันทึกเสียงได้จากทั่วทุกทิศทุกทางอีกด้วย

สำหรับความพิถีพิถันในการผลิต Nokia 8 ที่ตัวเครื่องทำจากวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยที่ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน ไร้รอยต่อ ภายใต้แบบพิมพ์อลูมิเนียมเดียวกันกับรุ่น 6000 Series ซึ่งผลิตจากวัสดุที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นพิเศษสำหรับการผลิต Nokia 8 โดยเฉพาะ มีขอบเครื่องหนาเพียง 4.6 มิลลิเมตร ส่วนตัวเครื่องความหนาเฉลี่ย 7.3 มิลลิเมตร พร้อมดีไซน์ที่สวยงาม รวมถึงจอสัมผัสที่มีคุณสมบัติสูง ผ่านกระบวนการขัดเงา การประกอบตัวเครื่อง และระบบการทำงานด้วยความใส่ใจในรายละเอียดในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตกว่า 20 ชั่วโมง นอกจากนี้ โทรศัพท์เครื่องนี้มาพร้อมกับขุมพลังชิปเซ็ต Qualcomm SnapdragonTM 835 Mobile Platform และระบบเพียวแอนดรอยด์ (Pure Android) ที่มีความปลอดภัยและอัพเดทอยู่เสมอ เพื่อให้ได้สมาร์ทโฟนแห่งอนาคตที่มีความสมบูรณ์ที่สุด

เพราะความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับโนเกีย สมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ของโนเกียจึงมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความทันสมัย โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดีและน่าประทับใจจาก Nokia 8 และระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ๆ จากแอนดรอยด์

เหนือกว่าการเซลฟี่ มากกว่าด้วยการถ่ายแบบ “Bothie”

หลายเรื่องราวรอบตัวเรามีสองด้านให้ต้องค้นหาอยู่เสมอ เช่นเดียวกับนวัตกรรม Dual-Sight ของ Nokia 8 จะทำให้คุณสามารถสร้างสรรค์และนำเสนอภาพความประทับใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้ถูกพัฒนาให้มาพร้อมกับเลนส์ ZEISS สุดคมชัด นอกจากนี้ ยังเพิ่มลูกเล่นในแบบของคุณเองผ่านระบบการทำงาน Dual-Sight ซึ่งเหมาะสำหรับนักสร้างคอนเทนต์ (Content creator) ที่สามารถนำเสนอเรื่องราว และไลฟ์สไตล์ของคุณผ่านโซเชียลได้อย่างไม่ซ้ำใครในแบบ “Bothie” ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นพิเศษของแอพลิเคชั่นกล้องในแบบเฉพาะของ Nokia 8 แฟนๆ ยังสามารถถ่ายภาพและอัพโหลดไปเก็บไว้ที่ Google Photos ได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย

 

 

การวางจำหน่าย

Nokia 8 มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเงา สีน้ำเงินด้าน สีทองแดง(ไม่มีวางจำหน่ายในไทย) และสีเงิน

เปิดราคาวางจำหน่ายในไทยราคาต่ำกว่าทั่วโลกเพียง 19,500 บาทเท่านั้น

เปิดให้ซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป!! ความเห็นส่วนตัว

หลังจากที่ได้ทดสอบในงานก็เรียกได้ว่าค่อนข้างประทับใจในความเร็วของระบบมือถือที่มาพร้อม Pure Android และความลื่นไหลของกล้องที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยงาม มีระบบ Live Bokeh หรือไลฟ์โบเก้ ที่คล้าย ๆ Galaxy Note 8 ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ อีกต่างหาก ส่วนด้านภาพที่ออกมาระหว่างถ่ายภาพ 1 กล้องกับ 2 กล้องยังไม่แตกต่างกันมากนัก อาจจะต้องรออัปเดทเฟิร์มแวร์ตัวจริงก่อนถึงจะพอมองเห็นความแตกต่างได้

และที่ชอบมาก ๆ คือการถ่ายวีดิโอ 4K หน้า – หลังพร้อมกันได้ (ที่เขาเรียกว่า Bothie) งานนี้บอกเลยว่าภาพวีดิโอที่เก็บมาชัดแจ๋วแน่นอน แถมสามารถ Facebook, YouTube Live แบบ Bothie ผ่านโหมดกล้องได้เลยอีกด้วย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ายัง Live บน Fanpage ไม่ได้ในปัจจุบัน รวมไปถึงตัวเครื่องที่ทำจากอลูมิเนียมทั้งเครื่อง จับแล้วรู้สึกถึงความคงทนมาก ๆ แต่ป้องกันตกน้ำไม่ได้ (เป็น IP65 กันน้ำสาดได้อย่างเดียว)

สรุปหลังจากที่ได้จับมาเรียกได้ว่า Nokia 8 ตัวนี้มีความเป็นโทรศัพท์ระดับ Premium สมเป็นเจ้าพ่อวงการมือถือของยุคเก่าที่กำลังจะกลับมาผงาดในยุคนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งด้านราคาที่สมน้ำสมเนื้อ (อย่าเอาไปเทียบกับ Xiaomi MI6 ก็พอ) ประสิทธิภาพเยี่ยมทั้งเครื่องและกล้อง บอกเลยว่าสาวกไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ

ข้อมูลทางเทคนิคของ Nokia 8

  • ข้อมูลเครือข่าย (Network)
    • – GSM: 850/900/1800/1900
    • – WCDMA: 1, 2, 5, 8
    • – TDS-CDMA: 34, 39
    • – LTE: 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 20, 28, 38, 39, 40, 41
  • ความเร็วเครือข่าย
    • LTE Cat 9, 3CA, 450Mbps DL / 50Mbps UL
    • รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม
  • ระบบปฏิบัติการ
    • Android Nougat 7.1.1
  • หน่วยประมวลผลและชิปเซ็ต: Qualcomm® Snapdragon ™ 835
  • MSM8998 (4 * 2.45GHz Qualcmm® Kryo ™ 4 * 1.8GHz Kryo)
  • RAM 4GB LPPDDR4X
  • หน่วยความจำภายใน 64 GB พร้อมช่องเสียบการ์ด MicroSD (รองรับสูงสุด 256 GB)
  • ฟอร์มแฟคเตอร์ สแต็คพอยต์ IP54 touch monoblock พร้อมปุ่มระบบสัมผัส capacitive
  • จอแสดงผล: 5.3 “IPS LCD QHD 2560 x 1440, ความสว่างหน้าจอ 700nts, Corning®Gorilla® Glass 5, 2.5D Glass
  • เลนส์กล้องจาก ZEISS
    • กล้องหลัก: 13 ล้านพิเซล ขนาดรูรับแสง f / 2.0, แฟลชคู่
    • กล้องด้านหน้า: 13 ล้านพิเซล ขนาดรูรับแสง f / 2.0, พร้อมแฟลช
  • ระบบเชื่อมต่อ
  • ระบบเซ็นเซอร์: ประเภท C, USB3.1 Gen 1 (5Gbps)
    • ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
    • เซ็นเซอร์วัดแสงรอบข้าง
    • เครื่องวัดความใกล้เคียง, เครื่องวัดความเร็วในการวัด, เข็มทิศ E, เข็มหมุน, Fingerprint Sensor
  • แบตเตอรี่
    • ประกอบด้วยแบตเตอรี่ 3090 mAh พร้อมQualcomm® Quick Charge ™ 3.0
      (18 วัตต์, 5V / 2.5A, 9V / 2A, 12V / 1.5A)
  • ฟังก์ชั่นมัลติมีเดีย
    • รองรับไฟล์เสียงแบบ MP3, M4A, AAC, OGG, WAV, AMR, AWB (AMR-WB), FLAC, MIDI (MID, MIDI, XMF, MXMF, IMY, RTTTL, RTX, OTA)
    • รองรับไฟล์วิดีโอแบบ MP4, 3GP, 3G2, AVI, MKV, WEBM
  • ขนาด
    • 151.5 x 73.7 x 7.9 มม. (camera bump ขนาด 0.4 มม.)
    • น้ำหนักเบา เพียง160 กรัม

รวมเรื่องราว nokia 8 ที่นี่ คลิ๊ก!!!

สนับสนุนเนื้อหา http://hitech.sanook.com/1432857/

100 ปี ธงไตรรงค์ ประวัติศาสตร์ธงชาติไทย ความภาคภูมิใจของคนไทย

วันที่ 28 กันยายน 60 จะเป็นวันแรกที่รัฐบาลประกาศให้เป็นวันสำคัญของประเทศไทยนั่นคือ วันพระราชทานไทย และภายในปีเดียวกันนี้จะเป็นวันครบรอบ 100 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานธงไตรรงค์ ให้เป็นธงชาติของประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2460 ซึ่งวันนี้ก็ครบรอบ 100 ปีพอดีและธงชาติไทยของเราก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าจะมาเป็นผืนธงไตรรงค์อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้วมากมาย

1e

ธงชาติไทยผืนแรก คือ ธงแดงเกลี้ยง

ถือกำเนิดด้วยความบังเอิญในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231) เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2223 เรือเลอโวตูร์ เรือรบของฝรั่งเศสมีนายเรือชื่อ มองซิเออร์ คอนูแอน ได้นำเรือรบลำนี้เข้ามาบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเจริญพระราชไมตรี และทำการค้ากับอยุธยา

โดยมีธรรมเนียมประเพณีคือต้องชักธงประเทศบนเรือเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่า มาถึงแล้ว เมื่อเรือฝรั่งเศสชักธงชาติของตัวเองขึ้น ฝ่ายสยามยิงสลุตคำนับตามธรรมเนียม ขณะเดียวกันสยามเองต้องชักธงขึ้นด้วยเพื่อตอบกลับว่า ยินดีต้อนรับ แต่ตอนนั้นทหารประจำป้อมวิไชยเยนทร์ไม่เคยพบประเพณีแบบนี้

และสยามไม่มีธงสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นธงชาติมาก่อน จึงคว้าผ้าที่วางอยู่แถวนั้น แต่ดันหยิบธงชาติฮอลันดาชักขึ้นเสาแบบส่งเดช เมื่อทหารฝรั่งเศสเห็นก็ตกใจไม่ยอมชักธงและไม่ยอมยิงสลุต จนกว่าจะเปลี่ยนธงชาติ เพราะนั่นไม่ใช่ธงประจำประเทศไทยและขณะนั้นฝรั่งเศสกับฮอลันดาเป็นศัตรูกัน

ฝ่ายไทยจึงแก้ปัญหาโดยชักผ้าสีแดงขึ้นแทนธงชาติฮอลันดา ฝรั่งเศสจึงยอมยิงสลุตคำนับตอบ เหตุการณ์ดังกล่าวจึงถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ธงชาติไทย และธงแดงจึงเป็นธงประจำชาติผืนแรกของไทยอย่างไม่เป็นทางการ

ธงชาติไทยผืนแรก คือ ธงแดงเกลี้ยง

ถือกำเนิดด้วยความบังเอิญในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231) เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2223 เรือเลอโวตูร์ เรือรบของฝรั่งเศสมีนายเรือชื่อ มองซิเออร์ คอนูแอน ได้นำเรือรบลำนี้เข้ามาบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเจริญพระราชไมตรี และทำการค้ากับอยุธยา

โดยมีธรรมเนียมประเพณีคือต้องชักธงประเทศบนเรือเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่า มาถึงแล้ว เมื่อเรือฝรั่งเศสชักธงชาติของตัวเองขึ้น ฝ่ายสยามยิงสลุตคำนับตามธรรมเนียม ขณะเดียวกันสยามเองต้องชักธงขึ้นด้วยเพื่อตอบกลับว่า ยินดีต้อนรับ แต่ตอนนั้นทหารประจำป้อมวิไชยเยนทร์ไม่เคยพบประเพณีแบบนี้

และสยามไม่มีธงสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นธงชาติมาก่อน จึงคว้าผ้าที่วางอยู่แถวนั้น แต่ดันหยิบธงชาติฮอลันดาชักขึ้นเสาแบบส่งเดช เมื่อทหารฝรั่งเศสเห็นก็ตกใจไม่ยอมชักธงและไม่ยอมยิงสลุต จนกว่าจะเปลี่ยนธงชาติ เพราะนั่นไม่ใช่ธงประจำประเทศไทยและขณะนั้นฝรั่งเศสกับฮอลันดาเป็นศัตรูกัน

ฝ่ายไทยจึงแก้ปัญหาโดยชักผ้าสีแดงขึ้นแทนธงชาติฮอลันดา ฝรั่งเศสจึงยอมยิงสลุตคำนับตอบ เหตุการณ์ดังกล่าวจึงถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ธงชาติไทย และธงแดงจึงเป็นธงประจำชาติผืนแรกของไทยอย่างไม่เป็นทางการ

flag_of_thailand_(1782).svg

จากธงแดงล้วนสู่ ธงวงจักร และ ธงช้าง

ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มรูปจักรสีขาวลงในธงแดง สำหรับใช้เป็นธงของเรือหลวง" สาเหตุที่พระองค์กำหนดให้ใช้ "จักร" ลงไว้กลางธงผ้าพื้นแดง เพื่อแสดงความแตกต่างระหว่างเรือของพระมหากษัตริย์ กับเรือของราษฎรสยาม ที่ใช้ธงผ้าพื้นแดงเกลี้ยงนั่นเอง

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระองค์ทรงได้ช้างเผือกเอก 3 ช้าง เป็นเกียรติยศยิ่งต่อแผ่นดิน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มรูปช้างเข้าภายในวงจักรของเรือหลวงไว้ด้วย อันมีความหมายว่า พระเจ้าแผ่นดินอันมีช้างเผือก ช้างคือสัญลักษณ์แห่งแผ่นดินของกรุงรัตนโกสินทร์

900px-flag_of_thailand_(1817)

ในสมัยรัชกาลที่ 4  ประเทศไทยมีการทำสนธิสัญญากับชาติตะวันตกมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงมีพระราชดำริว่าสยามจำเป็นต้องมีธงชาติใช้ตามธรรมเนียมของชาติตะวันตก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธงพื้นสีแดงมีรูปช้างเผือกเปล่าอยู่ตรงกลางหันหน้าเข้าหาเสาธงเป็นธงชาติ  โดยไม่มีวงจักรล้อมรอบตัวช้าง

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ธงที่ใช้กับเรือหลวง ถูกปรับรูปแบบอีกครั้ง จากช้างสีขาวธรรมดา ปรับให้เป็น "ช้างทรงเครื่องยืนแท่น" หันหน้าเข้าข้างเสา เนื่องจากช้างเผือกเปรียบเป็นเครื่องแทนตัวของพระมหากษัตริย์แล้ว

900px-flag_of_thailand_1855.s

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/3668694/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าวด่วน

เฮ Nokia 8 วางจำหน่ายจริงพร้อมราคาที่ถูกลงกว่าเดิม

เฮ Nokia 8 วางจำหน่ายจริงพร้อมราคาที่ถูกลงกว่าเดิม

เฮ Nokia 8 วางจำหน่ายจริงพร้อมราคาที่ถูกลงกว่าเดิม

แบไต๋

สนับสนุนเนื้อหา

ถึง HMD จะประกาศวางจำหน่าย Nokia 8 สมาร์ทโฟนเรือธงของค่ายรุ่นปัจจุบันด้วยราคาเริ่มที่ 600 ยูโร แต่ว่าเมื่อวางขายจริงกลับมีราคาที่ถูกลงกว่าที่ประกาศไว้

ผู้ให้บริการโครงข่ายในยุโรปเผยราคา Nokia 8 อย่างเป็นทางการพร้อมราคาที่ถูกลงกว่าเดิม แต่ว่าก็ขึ้นกับแต่ละเครือข่ายด้วย เช่น O2 จำหน่ายในราคา 577 ยูโร ในขณะ Mobilcom Debitel ในราคา 579 ยูโรครับ

นอกนั้นยังมีโปรโมชั่นสำหรับคนที่พรีออเดอร์ผ่านโครงข่าย O2 จะได้รับสมาร์ทวอชโลหะของ Nokia ซึ่งวางจำหน่ายในราคา 129.95 ยูโร

ในส่วนของประเทศอื่นๆอย่างรัสเซีย โครงข่าย Megafon เปิดพรีออเดอร์ Nokia 8 ในราคา 575 ยูโรเท่านั้น ก็ต้องรอดูกันว่าตอนวางจำหน่ายในบ้านพวกเราราคาจะลดลงจากนี้อีกไหม

รวมเรื่องราว nokia 8 ที่นี่ คลิ๊ก!!!

สนับสนุนเนื้อหา http://hitech.sanook.com/1432301/

5 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ไวรัสตับอักเสบบี”

5 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ไวรัสตับอักเสบบี”

แม้ว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรคนี้ออกมานานมากแล้ว แต่ยังพบเห็นผู้ป่วยเป็นโรคนี้อยู่มากมาย สาเหตุนโยบายที่ทำให้ผู้ป่วยไม่เข้ามารับวัคซีน นอกจากทุนทรัพย์ไม่เพียงพอแล้ว ยังเป็นเรื่องของการไม่เห็นความสำคัญของวัคซีน ไม่ทราบถึงอันตรายสรรพสิ่งโรคนี้ จึงดำเนินการให้เราอาจเพิกเฉยกับโรคนี้โดยไม่รู้ตัว

แม้จะเป็นโรคที่คุ้นเคยกันดีในหมู่คนไทย แต่น่าแปลกใจว่ายังมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวพร้อมทั้งโรคนี้อยู่มาก ซึ่งทำมอบให้หลายคนขาดโอกาสรับการรักษาจนหายขาด หรืออาจเป็นหนักจนไม่สามารถรักษาได้ ทั้งที่จริงแล้วโรคนี้ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

ไวรัสตับอักเสบบี นั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งเชื้อติดต่อยอดนิยมซึ่งแฝงตัวอยู่ในสังคมของเรา เพราะถ้าหากได้ติดแล้วหายขาดยาก อีกทั้งผู้ที่ติดโรคตับอักเสบบีนี้มักไม่แสดงอาการ หลายๆ คนจึงมองข้ามที่จะดูแลตัวเองและไม่ไปฉีดวัคซีนอภิบาลไว้ ทั้งๆ ที่อีฉันเป็นสิ่งที่จะช่วยป้องกันจากโรคร้ายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร ?

โรคตับอักเสบบี หรือในบางแห่งอาจขนานนามว่า โรคไวรัสตับอักเสบบี ยังมีชีวิตอยู่โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งเชื้อไวรัสที่ว่านี้จะเข้าไปทำลายตับ ตลอดจนก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับ โดยที่ส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อมักไม่ทราบว่ามีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย พบการติดเชื้อได้ในหลายประเทศ อีกทั้งยังมักเป็นการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกในขณะคลอดได้อีกด้วย

ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อกันได้อย่างไร ?

เกิดการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก โดยส่วนมากพบการติดเชื้อในขณะคลอดบ่อยที่สุด
เกิดการติดเชื่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งวิธีที่จะทำให้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะง่ายกว่าการติดเชื้อไวรัส HIV
เกิดการติดเชื้อทางเลือด ซึ่งอาจเป็นการใช้ของมีคมที่มีการเปื้อนเลือด มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน งานฝังเข็ม งานสักตามร่างกาย หรือแม้แต่การเจาะหูที่ไม่สะอาด
นอกจากนั้น ยังไม่มีการค้นพบโอกาสที่จะติดเชื้อได้ทิ้งช่องทางอื่น อาทิ การรับประทานอาหารร่วมกัน หรือการงานร่วมกันในลักษณะปกติที่เอื้อโอกาสให้มีการติดต่อของเชื้อได้

5 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ไวรัสตับอักเสบบี”

1. ไวรัสตับอักเสบบี ไม่มียารักษา?

ไวรัสตับอักเสบบีในปัจจุบันมียาหลายชนิดรวมหมดยากิน ยาฉีด แพทย์จะคัดเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละราย แม้อาจจะต้องทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน หรืออาจจะทานยาไปตลอดชีวิต แต่จะสามารถควบคุมเชื้อไวรัสไม่ให้เพิ่มมากขึ้นได้ ทำให้อาการสงบ และไม่ลุกลามได้ ในอนาคตมียาที่กำลังวิจัยอยู่ สามารถฆ่าไวรัสที่ซ่อนในตับได้ ซึ่งทำให้มีโอกาสหายขาดได้

2. เป็นแค่พาหะไวรัสตับอักเสบบี ไม่ต้องรับการตรวจ หรือรักษาก็ได้?

ผู้ป่วยไวรสตับบีทุกคนไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน เช่น ตับอักเสบเรื้อรัง หรือพาหะ ทุกคนต้องได้รับการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ และ อาจต้องได้รับยาในบางคน โดยต้องกินยาสม่ำเสมอเช่นกัน ขึ้นอยู่กับงานพิจารณาของแพทย์

3. ยาควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ทานบ้าง หยุดบ้างก็ได้ ไม่เป็นไร?

เนื่องจากยาข้างในปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ยาที่ทำให้ไวรัสไม่แบ่งตัว ทำให้ไวรัสสงบ แต่เมื่อหยุดยา ไวรัสอาจแบ่งตัวใหม่ และจัดการให้โรคกำเริบในที่สุด อาจยังมีความเสี่ยงในการเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับได้ที่อนาคต

4. เป็นไวรัสตับอักเสบบี ต้องทานยาฝ่ายเดียว?

อย่างที่บอกว่า ยาสำหรับควบคุมเชื้อไวรัส มีทั้งยากิน และยาฉีด แต่ก็ไม่ได้ความว่าจะต้องได้รับยาทุกคน เพราะไวรัสตับอักเสบมีทั้งที่เป็นแบบเรื้อรัง (ที่ต้องทานยาตลอด) และแบบเฉียบพลัน ซึ่งสามารถหายได้เองโดยไม่ร้องรับการรักษา 80-90%

5. วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ราคาแพง ต้องฉีดใหม่เรื่อยๆ?

โดยทั่วไปแล้ว ราคาของวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี จะคงอยู่ที่เข็มละ 200-300 บาท แตะฉีดจำนวน 3 เข็ม เมื่อฉีดครบทั้ง 2 เข็ม ละนั้นเว้นระยะสักพัก หากตรวจเลือดพบว่ามีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ถึงกระนั้นจะมีส่วนน้อยที่ตรวจหาภูมิคุ้มกันไม่เจอ อาจจะต้องฉีดใหม่

ปัจจุบันไวรัสตับอักเสบบีไม่ใช่โรคที่น่ากลัว เรามียาที่ช่วยควบคุมท่าไปได้ตลอดปรากฏแล้ว และหากตรวจร่างกายจากไปเรื่อยๆ อาจพบค่าตับที่ปกติได้ อย่างไรก็ตามการเพิกเฉยต่อโรคนี้ ไม่เข้ารับการักษาอย่างจริงจัง เป็นเหตุให้พบผู้ป่วยเป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับจากเชื้อที่ลุกลามของไวรัสตับอักเสบบีเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นอยากให้รักร่างกายของตัวเองให้มากขึ้นอีกนิด เพราะการมาหาหมอในระยะสุดท้าย มันจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หมอจะไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว แม้ว่าจะมีวิธีรักษาง่ายๆ แค่ทานยาก็ตาม

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเพจ ตับลำไส้ ใกล้หมอ ค่ะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://health.sanook.com/5453/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : มะเร็งปากมดลูก

คำชะโนด 2 หรือวัดป่าคลอง 11 ความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ต้องไปไกล !!

สำหรับหลาย ๆ คนคงรู้จักวัดป่าคชะโนดเป็นอย่างดี เพราะเป็นสถานที่ชื่อดังที่ขึ้นชื่อด้านความศักดิ์สิทธิ์และเชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของพญานาค ที่จังหวัดอุดรธานี

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า มีวัดอีกแห่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับวัดป่าแต่อยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพนี่เอง นั่นก็คือว่าป่าคลอง 11 จังหวัดปทุมธานี

19141818_148408609037842_2241
19183999_148408642371172_1156
19190933_148408979037805_1466

ที่นี่มีความคล้ายคลึงกับวัดป่าคำชะโนดมาก ทั้งในด้านภูมิศาสตร์ที่ตั้งเป็นเกาะกลางน้ำเหมือนกัน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ที่มีความเชื่อด้านพญานาคเช่นกัน

19198300_148408759037827_5793

นั่นก็คือองค์ จ้าวปู่ศรีสุทโธ ย่านาคี ถนนทุกสายเต็มไปด้วยรถ ทางเดินทุกเส้นทาง เต็มไปด้วยประชาชนที่มาไหว้ และเต็มไปด้วยความศรัทธา ปู่ศรีสุทโธ ย่านาคี ในขณะนี้

19142031_148408695704500_1161
19198441_148408632371173_1100
19206379_148408645704505_1656

 

ต้องบอกเลยว่ากำลังเป็นสถานที่ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ของผู้คนที่ไปสักการะอย่างมาก แถมยังเดินทางไปได้ง่ายไม่ไกลจากกรุงเทพจึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากของผู้ที่ศรัทธา

และนอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีการสร้างรูปปั้นพญานาคไว้อย่างน่าเกรงขาม ดูลึกลับและน่าค้นหา เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สวยงามน่าไปเก็บภาพอย่างมาก

หากมีโอกาศในวันหยุดลองเดินทางไปสักการะดูสักครั้ง เพื่อเ

นสิริมงคลในชีวิตและการทำงานต่อไป

19184057_148408615704508_8216
19184183_148408485704521_1146
19198315_148408489037854_2144

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://travel.sanook.com/1404541/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล

จับตัวจริง เปิดตัว Nokia 8 มือถือเรือธง กล้องคู่ ถ่ายทำ Live แบบ Bothie ได้

จับตัวจริง เปิดตัว Nokia 8 มือถือเรือธง กล้องคู่ ถ่ายทำ Live แบบ Bothie ได้

จับตัวจริง เปิดตัว Nokia 8 มือถือเรือธง กล้องคู่ ถ่ายทำ Live แบบ Bothie ได้

แบไต๋

สนับสนุนเนื้อหา

การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ Nokia ภายใต้การดูแลของบริษัท HMD Global เผยโฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง  สมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดในรูปแบบ Pure Android ไร้แอปแปลกปลอม พร้อมนิยามใหม่ของการถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ผ่านเลนส์แบบเรียลไทม์ด้วยหนแรกของ 3 ปรากฎการแห่งของใหม่ที่เหมาะกับคนที่ชอบสร้างคอนเทนต์ (content creator) นอกจากนี้ ตัวเครื่องเป็นสิ่งของอลูมินัม บางดีเลิศ พร้อมการออกตัวอย่างสวยสดงดงาม ซ่อนเร้นไปด้วยความคงทน และแนวความคิดประดิษฐ์ Nokia 8 ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ปัจจุบัน รวมถึงโครงสร้างที่มาพร้อมกับกล้องคู่แบบ Dual-Camera รวมทั้งสมรรถนะของ ZEISS เลนส์กล้องถ่ายภาพชั้นยอดเยี่ยมสุดยอดเพื่อตอบปัญหาการใช้งานด้านการถ่ายรูป

 

คุณสมบัติเด่นของ Nokia 8 คือ กล้องถ่ายวีดีโอแบบคู่หรือ Dual-Sight ที่ฉีกกฎของการ Live Steaming ครั้งแรกของโลก ช่วยเพิ่มมิติของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook หรือทาง YouTube ได้ Nokia 8 ไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมที่คิดค้นเพื่อรองรับการถ่ายภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นนวัตกรรมที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรังสรรค์เรื่องราวแห่งความประทับใจผ่าน ภาพ แสง สี และเสียง ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดจากโนเกียไปสู่สังคมออนไลน์อย่างง่ายดายและรวดเร็วด้วยการกดพียงครั้งเดียว

นอกเหนือจากนั้น Nokia 8 ยังเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยีเสียงแบบ Nokia OZO Audio ที่ให้มิติเสียงแบบ 360 องศา เพื่อความสมบูรณ์ของประสิทธิภาพเสียงเช่นเดียวกันกับคนฟังได้อยู่ตรงนั้นจริงๆเสมือนเอาเทคโนโลยีในหนังฮอลลีวูด (Hollywood Technology) มาวางเอาไว้ด้านบนมือของคุณ อีกทั้งเรื่องของประสิทธิภาพของภาพรวมทั้งเสียงขนาด 4K ที่คุณรวมทั้งสหายๆบนโลกออนไลน์จะได้รับประสบการณ์ที่เหมือนจริง รวมทั้งยังช่วยบันทึกเสียงได้จากทุกทิศทางอีกด้วย

สำหรับความพิถีพิถันในการผลิต Nokia 8 ที่ตัวเครื่องทำจากวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยที่ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน ไร้รอยต่อ ภายใต้แบบพิมพ์อลูมิเนียมเดียวกันกับรุ่น 6000 Series ซึ่งผลิตจากวัสดุที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นพิเศษสำหรับการผลิต Nokia 8 โดยเฉพาะ มีขอบเครื่องหนาเพียง 4.6 มิลลิเมตร ส่วนตัวเครื่องความหนาเฉลี่ย 7.3 มิลลิเมตร พร้อมดีไซน์ที่สวยงาม รวมถึงจอสัมผัสที่มีคุณสมบัติสูง ผ่านกระบวนการขัดเงา การประกอบตัวเครื่อง และระบบการทำงานด้วยความใส่ใจในรายละเอียดในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตกว่า 20 ชั่วโมง นอกจากนี้ โทรศัพท์เครื่องนี้มาพร้อมกับขุมพลังชิปเซ็ต Qualcomm SnapdragonTM 835 Mobile Platform และระบบเพียวแอนดรอยด์ (Pure Android) ที่มีความปลอดภัยและอัพเดทอยู่เสมอ เพื่อให้ได้สมาร์ทโฟนแห่งอนาคตที่มีความสมบูรณ์ที่สุด

เพราะความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับโนเกีย สมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ของโนเกียจึงมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความทันสมัย โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัยเป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดีและน่าประทับใจจาก Nokia 8 และระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ๆ จากแอนดรอยด์

เหนือกว่าการเซลฟี่ มากกว่าด้วยการถ่ายแบบ “Bothie”

หลายเรื่องราวรอบตัวเรามีสองด้านให้ต้องค้นหาอยู่เสมอ เช่นเดียวกับนวัตกรรม Dual-Sight ของ Nokia 8 จะทำให้คุณสามารถสร้างสรรค์และนำเสนอภาพความประทับใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้ถูกพัฒนาให้มาพร้อมกับเลนส์ ZEISS สุดคมชัด นอกจากนี้ ยังเพิ่มลูกเล่นในแบบของคุณเองผ่านระบบการทำงาน Dual-Sight ซึ่งเหมาะสำหรับนักสร้างคอนเทนต์ (Content creator) ที่สามารถนำเสนอเรื่องราว และไลฟ์สไตล์ของคุณผ่านโซเชียลได้อย่างไม่ซ้ำใครในแบบ “Bothie” ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นพิเศษของแอพลิเคชั่นกล้องในแบบเฉพาะของ Nokia 8 แฟนๆ ยังสามารถถ่ายภาพและอัพโหลดไปเก็บไว้ที่ Google Photos ได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย

 

 

การวางจำหน่าย

Nokia 8 มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงินเงา สีน้ำเงินด้าน สีทองแดง(ไม่มีวางจำหน่ายในไทย) และสีเงิน

เปิดราคาวางจำหน่ายในไทยราคาต่ำกว่าทั่วโลกเพียง 19,500 บาทเท่านั้น

เปิดให้ซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป!! ความเห็นส่วนตัว

หลังจากที่ได้ทดสอบในงานก็เรียกได้ว่าค่อนข้างประทับใจในความเร็วของระบบมือถือที่มาพร้อม Pure Android และความลื่นไหลของกล้องที่สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยงาม มีระบบ Live Bokeh หรือไลฟ์โบเก้ ที่คล้าย ๆ Galaxy Note 8 ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ อีกต่างหาก ส่วนด้านภาพที่ออกมาระหว่างถ่ายภาพ 1 กล้องกับ 2 กล้องยังไม่แตกต่างกันมากนัก อาจจะต้องรออัปเดทเฟิร์มแวร์ตัวจริงก่อนถึงจะพอมองเห็นความแตกต่างได้

และที่ชอบมาก ๆ คือการถ่ายวีดิโอ 4K หน้า – หลังพร้อมกันได้ (ที่เขาเรียกว่า Bothie) งานนี้บอกเลยว่าภาพวีดิโอที่เก็บมาชัดแจ๋วแน่นอน แถมสามารถ Facebook, YouTube Live แบบ Bothie ผ่านโหมดกล้องได้เลยอีกด้วย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ายัง Live บน Fanpage ไม่ได้ในปัจจุบัน รวมไปถึงตัวเครื่องที่ทำจากอลูมิเนียมทั้งเครื่อง จับแล้วรู้สึกถึงความคงทนมาก ๆ แต่ป้องกันตกน้ำไม่ได้ (เป็น IP65 กันน้ำสาดได้อย่างเดียว)

สรุปหลังจากที่ได้จับมาเรียกได้ว่า Nokia 8 ตัวนี้มีความเป็นโทรศัพท์ระดับ Premium สมเป็นเจ้าพ่อวงการมือถือของยุคเก่าที่กำลังจะกลับมาผงาดในยุคนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งด้านราคาที่สมน้ำสมเนื้อ (อย่าเอาไปเทียบกับ Xiaomi MI6 ก็พอ) ประสิทธิภาพเยี่ยมทั้งเครื่องและกล้อง บอกเลยว่าสาวกไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ

ข้อมูลทางเทคนิคของ Nokia 8

  • ข้อมูลเครือข่าย (Network)
    • – GSM: 850/900/1800/1900
    • – WCDMA: 1, 2, 5, 8
    • – TDS-CDMA: 34, 39
    • – LTE: 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 20, 28, 38, 39, 40, 41
  • ความเร็วเครือข่าย
    • LTE Cat 9, 3CA, 450Mbps DL / 50Mbps UL
    • รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม
  • ระบบปฏิบัติการ
    • Android Nougat 7.1.1
  • หน่วยประมวลผลและชิปเซ็ต: Qualcomm® Snapdragon ™ 835
  • MSM8998 (4 * 2.45GHz Qualcmm® Kryo ™ 4 * 1.8GHz Kryo)
  • RAM 4GB LPPDDR4X
  • หน่วยความจำภายใน 64 GB พร้อมช่องเสียบการ์ด MicroSD (รองรับสูงสุด 256 GB)
  • ฟอร์มแฟคเตอร์ สแต็คพอยต์ IP54 touch monoblock พร้อมปุ่มระบบสัมผัส capacitive
  • จอแสดงผล: 5.3 “IPS LCD QHD 2560 x 1440, ความสว่างหน้าจอ 700nts, Corning®Gorilla® Glass 5, 2.5D Glass
  • เลนส์กล้องจาก ZEISS
    • กล้องหลัก: 13 ล้านพิเซล ขนาดรูรับแสง f / 2.0, แฟลชคู่
    • กล้องด้านหน้า: 13 ล้านพิเซล ขนาดรูรับแสง f / 2.0, พร้อมแฟลช
  • ระบบเชื่อมต่อ
  • ระบบเซ็นเซอร์: ประเภท C, USB3.1 Gen 1 (5Gbps)
    • ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
    • เซ็นเซอร์วัดแสงรอบข้าง
    • เครื่องวัดความใกล้เคียง, เครื่องวัดความเร็วในการวัด, เข็มทิศ E, เข็มหมุน, Fingerprint Sensor
  • แบตเตอรี่
    • ประกอบด้วยแบตเตอรี่ 3090 mAh พร้อมQualcomm® Quick Charge ™ 3.0
      (18 วัตต์, 5V / 2.5A, 9V / 2A, 12V / 1.5A)
  • ฟังก์ชั่นมัลติมีเดีย
    • รองรับไฟล์เสียงแบบ MP3, M4A, AAC, OGG, WAV, AMR, AWB (AMR-WB), FLAC, MIDI (MID, MIDI, XMF, MXMF, IMY, RTTTL, RTX, OTA)
    • รองรับไฟล์วิดีโอแบบ MP4, 3GP, 3G2, AVI, MKV, WEBM
  • ขนาด
    • 151.5 x 73.7 x 7.9 มม. (camera bump ขนาด 0.4 มม.)
    • น้ำหนักเบา เพียง160 กรัม

รวมเรื่องราว nokia 8 ที่นี่ คลิ๊ก!!!

สนับสนุนเนื้อหา http://hitech.sanook.com/1432857/

สื่อดังยืนยันอีกเสียง iPhone 8 จะไม่มี Touch ID แน่นอน

สื่อดังยืนยันอีกเสียง iPhone 8 จะไม่มี Touch ID แน่นอน

สื่อดังยืนยันอีกเสียง iPhone 8 จะไม่มี Touch ID แน่นอน

แบไต๋

สนับสนุนเนื้อหา

อย่างที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า Apple ไม่สามาถรพัฒนาตัวสแกนลายนิ้วมือลงในหน้าจอได้ทัน จึงมีความเป็นไปได้ว่าฟีเจอร์ดังกล่าวจะถูกัดออก ล่าสุด The Wall Street Journal รายงานเพิ่มเติมว่าเราจะไม่เห็น Touch ID ใน iPhone 8 ที่กำลังจะเปิดตัวสัปดาห์นี้แน่นอน

ข่าวลือที่ Apple จะตัด Touch ID ที่เริ่มเป็นที่นิยมมาตั้งแต่ปี 2013 ออกจาก iPhone รุ่นใหม่นี้นั้นก็มีออกมาหลายเดือนแล้ว Bloomberg กล่าวเอาวไว้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า Apple กำลังจะแทนที่ Touch ID ด้วยตัววิเคราะห์ใบหน้าใน  และหลังจากนั้นก็มีข้อมูลการวิเคราะห์ออกมาจากหลายๆ แหล่งข่าวพูดในแนวทางเดียวกันนี้

WSJ กล่าวว่า Apple กำลังจะเป็นผู้ริเริ่มในการฝัง Touch ID ลงบนหน้าจอ iPhone และเนื่องด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง ประกอบกับที่ iPhone 8 จะใช้หน้าจอแบบ OLED Apple จึงเลือกที่จะตัด Touch ID ออกไป และแทนที่ด้วยตัววิเคราะห์ใบหน้าแทน

ทั้งนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าหลังจากที่ iPhone 8 เริ่มวางขายแล้ว ของจะขาดตลาด และเกิดการส่งมอบล่าช้า ซึ่งก็ไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก แต่เชื่อว่าปัญหานี้จะเกิดกับ iPhone 8 สีใหม่เป็นสีแรก และก็จะค่อยๆ ลามไปทุกสีที่วางขายครับ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ >>> http://hitech.sanook.com/1433825/

 

ใบเฟิร์น แอบเขิน ท็อป ลงคลิปหวาน ไม่ห้ามคนเรียกแฟน

ทำเอาหลายคนอิจฉาตาร้อน พากันแซวยกใหญ่ หลังหนุ่ม "ท็อป จรณ" ลงคลิปสาว "" พร้อมแคปชั่นหวาน งานนี้มีเหล่าบรรดาเพื่อนสนิทในวงการ เข้าไปคอมเมนต์แซวกันเต็มที่ไม่มีกั๊กเลยทีเดียว ล่าสุดพอได้เจอสาวใบเฟิร์น ที่มาร่วมงาน วุฒิศักดิ์ คลินิก ลานอีเดนชั้น 1 เซ็นทรัลเวิล์ด เจ้าตัวก็ออกปากบอกว่ารู้สึกเขินด้วยเหมือนกัน

"คือเราสองคนชอบไปเดินเล่นที่สวน เขาก็ถ่ายของเขาอยู่แล้วเรื่อยๆ เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาตัดเป็นคลิป อันนั้นเขาถ่ายเองค่ะ เขาชอบถ่ายรูป"

แอบมีเขินบ้างไหมที่เขาลง?
 "ก็มีนะคะ มันเขินตอนที่เขาเอามาเรียงทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะถ่ายออกมาเป็นยังไง"

เซอร์ไพรส์ไหมเขาเอาลงไอจี?
 "ก็เซอร์ไพรส์นะ เราไม่ได้ดู ไม่ได้เห็นก่อนเหมือนกัน เขาแอบสแนปตามเก็บ"

เป็นการเปิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า?
 "ก็เราไม่ได้ปิดอยู่แล้ว อย่างที่บอก มันเป็นจังหวะมากกว่า เขาอยากจะลงก็ลง ไม่ถึงกับบอก น้องลงคลิปได้ปะ ลงคลิปนะ แล้วก็ลงเลย "

เรียกแฟนได้เต็มปากไหม?
 "ก็ยังไม่ได้พูดแบบนั้นนะคะ (แล้วเรียกว่าอะไร?) ก็เรียกว่าพี่กับน้องอะไรแบบนี้ เราไม่รีบค่ะ ถ้ารีบบังคับใช้คำว่าแฟน เดี๋ยวก็ต้องอะไรยังไงต่อ ก็ค่อยๆ ดีกว่า ให้มันชัวร์ อยากให้ค่อยๆ หนูว่าเรื่องความรู้สึกเป็นเรื่องที่จริงจังสำหรับเราสองคน อยากให้เริ่มต้นด้วยความแข็งแรง ไม่อยากให้เป็นความหวือหวา ก็ต้องใช้เวลา เฟิร์นอยากให้ทุกอย่างมั่นใจสำหรับเราจริงๆ เลยไม่อยากรีบร้อน เดี๋ยวแฟน เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก ไม่อยากให้เป็นเรื่องที่เกิดหรือหายไปง่ายๆ ค่ะ "

หลังจากลงคลิปไปก็มีหลายคนเข้ามาแซว?
 "ขำค่ะ ไปนั่งอ่านแล้วสนุกดี "

สรุปว่าเป็นพี่น้องกัน?
 "ไม่ระบุดีกว่า ว่าเรียกพี่น้องหรืออะไร ก็ให้มันค่อยเป็นค่อยไปในแบบของมัน"

แต่ดูหวานมากคนก็เข้าใจว่าเป็นแฟนกันแล้ว?
 "ก็แล้วแต่เลย ไม่ซีเรียส อย่างที่บอกว่าไม่อยากให้มันเป็นการเร่งรีบแหละ ให้มันมั่นคงดีกว่า

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/3651702/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าว

สูตรขัดผิวขาวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวขาวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวขาวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

ผู้หญิงทุก สิ่งมีชีวิตไม่ว่าใครก็ล้วนอยากมีผิวขาว อย่างเดียวหากคุณเกิดมาพร้อมกับผิวสองสี ผิวแทนหรือผิวสีน้ำผึ้งตลอดหมดทางไปผิวหมองคล้ำอันเนื่องมาจากการตากแดดเป็นเวลา เนิ่นนาน ความหมองคล้ำจากแดดก็ย่อมบดบังความกระจ่างใสข้าวของผิวจนเหลือแต่เพียงความหมอง คล้ำดำกร้านได้เช่นเดียวกัน วันนี้เรามีสูตรความงามที่จะช่วยเปลี่ยนสีผิวของคุณส่งเสียกลับมาขาวกระจ่างใสแบบธรรมชาติได้ค่ะ สมมตพร้อมแล้ว.. เราลงมาดูกันเลยว่ามีสูตรไหนทำอย่างไรค่อย

สูตรขัดผิวขาว

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวด้วยมะขามเปียก มะนาว ขมิ้น โยเกิร์ตและน้ำผึ้ง
ด้วย ส่วนผสมออกจากมะขามเปียกและมะนาวตำแหน่งนำมาผสมผสานกัน ยิ่งเป็นการเพิ่มสองคุณค่าจากกรดผลไม้พื้นที่จะช่วยเร่งความกระจ่างใสให้สีผิว เพราะสองผลไม้ดังกล่าวมีฤทธิ์หมายถึงกรดมันจักช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าแถวตายแล้ว ให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน ในขณะที่โยเกิร์ต น้ำผึ้งจะช่วยคืนความเนียนนุ่มชุ่มชื้นให้ผิวและขมิ้นก็จะช่วยจัดการ แบคทีเรียบนผิวหนังส่งมอบหมดไป อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเคลือบผิวทำให้สีผิวผุดผ่องเป็นยองใยมากขึ้น ล้งเล้งนั้น สูตรนี้จึ่งมั่นใจได้ว่าจะช่วยเปลี่ยนผิวหมองคล้ำของคุณให้ค่อยๆ ขาวกระจ่างใสยินยอมธรรมชาติได้กลุ่มแน่นอน

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
 

วิธีใช้ เอา ส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกัน อาจจะแยกเอามะขามเปียกไว้ต่างหากก็ได้นะคะ โดยนำมะขามเปียกมาชุบกับส่วนผสมทั้งหมดแล้วขัดผิวแทนใยบวบนั่นเอง ขัดผิวให้ทั่วเรือนร่างเพราะว่าขัดวนเป็นวงกลมไปมา จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ 15-20 นาทีค่ะ แล้วล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ที่สำคัญหลังจากขัดผิวเสร็จแล้วอย่าลืมรีบชโลมผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมจาก ไวท์เทนนิ่งทันที และทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ภายในบ้านก็ตามก็ต้องทาครีมกันแดดค่ะ ก็เพราะว่าแสงจากหลอดไฟก็แผ่รังสีที่จะทำลายผิวให้หมองคล้ำรวดเร็วจัดหามา

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรดังกล่าวสาวๆ สามารถนำมาพอกหน้าได้รับเช่นเดียวกันนะคะ ถึงกระนั้นอาจจะเลือกหมายความว่ามะนาวหรือมะขามเปียกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กรดจากผลไม้มีมากเกินเที่ยวไปจนทำลายผิวประทานแสบระคายเคืองค่ะ และอาจจะลดขมิ้นให้น้อยลงด้วย ไม่เช่นนั้น อาจทำให้ผิวหน้าสาวๆ เหลืองอย่างที่ไม่พอที่จะเป็นจัดหามา

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวจากมะขามเปียกและ วัตถุดิบอื่นๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติช่วยผลัดผิวและเผยเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่าง

ใส เปล่งปลั่ง ทำให้ผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อสาวๆ ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ควบคู่กับการกินผักผลไม้ที่ให้วิตามินแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว นอนพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำและหลับให้สนิทตลอดคืน มีหรือคะที่ผิวหมองคล้ำจักไม่โบกมือลาหายไป

สำหรับสาวที่กอบด้วยผิวแทน ผิวสองสีหรือผิวสีน้ำผึ้ง คุณก็จักพบกับผลลัพธ์ของใช้สีผิวที่จะค่อยๆ ขาวกระจ่างใสได้เช่นเดียวกัน ไม่เชื่อ.. คงต้องลองทำตามกันแล้วค่ะ แล้วคุณจะทึ่งไปกับคุณสมบัติของสูตรภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยเราสุดๆ เลยล่ะ

ลายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://women.sanook.com/blog/22855/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เคล็ดลับความงาม